วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่
อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี อยู่ภายในมณฑปสองยอดบนไหล่ภูเขา
เป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธฉาย(เงาพระพุทธเจ้า)คือเงาเลือนลางที่เป็นรอยประทับอยู่ที่หน้าผา เชิงเขา
บริเวณวัดพระพุทธฉาย มีลักษณะคล้าย พระพุทธรูปยืน
สันนิษฐานว่าค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา ตำนานพระพุทธฉายโดยย่อ
พระพุทธเจ้าเสด็จมา
ที่เขาฆาฏกะ(เขาพระพุทธฉาย)เพื่อโปรดนายพรานฆาฏกะจนสำเร็จพระอรหันต์
ครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ พระฆาฏกะได้ทูลขอให้ ประทานสิ่งอันเป็นอนุสรณ์
เพื่อสักการะกราบไหว้
พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดอยู่ในเนื้อหิน
ที่เงื้อมเขาพระพุทธฉายบรรพต
ในบริเวณใกล้เคียงมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา
มณฑปหลังนี้สร้างขึ้นในสมัย สมเด็จพระเจ้าเสือ
และมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อัญเชิญมาจากลังกา ทุกปีจะมีงานนมัสการพระพุทธฉาย
พร้อมกับงานนมัสการรอย พระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี
ประวัติพระพุทธฉาย
ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารบุพพารามในนครสาวัตถี ได้ประทานอุปสมบท (บวช) พระบิณโฑละฯ ให้เป็น พระภิกษุในพระพุทธศาสนา แล้วได้มอบให้พระโมคคัลลานะ พาไปปฏิบัติสมณธรรมจนกว่าจะได้สำเร็จมรรคผล พระโมคคัลลานะ ได้นำพาไปปฏิบัติสมณธรรมในชมพูทวีป&(อินเดีย) หลายแห่งก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผล จึงได้มาปฏิบัติสมณธรรมใน ปัจจันตชนบทโดยกำหนดเอาประเทศสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย) ณ ภูเขาฆาฏกะอันเป็นที่อาศัยของนายพรานฆาฏกะกับบริวาร จึงได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ในระหว่างที่มาปฏิบัติสมณธรรมอยู่ ณ สถานที่พระโมคคัลลานะได้ ทราบพฤติกรรมของนายพรานฆาฏกะกับบริวารว่าเป็นผู้มีสันดาน หยาบช้า โหดร้าย ทารุณ มีอาชีพทางล่าสัตว์ พระโมคคัลลานะ ได้แสดงปาฏิหาริย์หลายประการเพื่อจะยังสันดานของนายพรานฆาฏกะให้เลื่อมใสแต่ไม่สำเร็จ ต่อเมื่อได้กลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วกราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาโปรด และได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างหลายประการด้วยกัน เพื่อให้นายพรานฆาฏกะได้ละทิฏฐิมานะสันดานหยาบช้า จนในที่สุดได้มีศรัทธาเลื่อมใสถึงกับทูลอุปสมบท พระบรมศาสดาได้ทรง ประทาน เอหิภิกขุอุปสัมปทา (บวชให้ด้วยพระองค์เอง) แล้วตรัสสั่งสอนให้ปฏิบัติสมณธรรมได้สำเร็จพระอรหันต์เป็น พระอริยบุคคล ในพระพุทธศาสนา เมื่อพระบรมศาสดาจะเสด็จกลับบุพพาราม ภิกษุฆาฏกะได้ทูลขอติดตามพระองค์ๆ ได้ทรงห้ามไว้เพื่อให้ช่วย ประกาศพระศาสนา พระฆาฏกะได้ทูลขอสิ่งที่เคารพสักการะ พระองค์จึงได้ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดไว้ ณ เงื้อมภูเขาแห่งนี้ และได้ประทับ "รอยพระบาท" ติดไว้ ณ บนยอดภูเขาแห่งนี้ด้วย ซึ่งจะได้เป็นที่สักการะเคารพกราบไหว้บูชาของ พระฆาฏกะและบริวาร ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไป
ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารบุพพารามในนครสาวัตถี ได้ประทานอุปสมบท (บวช) พระบิณโฑละฯ ให้เป็น พระภิกษุในพระพุทธศาสนา แล้วได้มอบให้พระโมคคัลลานะ พาไปปฏิบัติสมณธรรมจนกว่าจะได้สำเร็จมรรคผล พระโมคคัลลานะ ได้นำพาไปปฏิบัติสมณธรรมในชมพูทวีป&(อินเดีย) หลายแห่งก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผล จึงได้มาปฏิบัติสมณธรรมใน ปัจจันตชนบทโดยกำหนดเอาประเทศสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย) ณ ภูเขาฆาฏกะอันเป็นที่อาศัยของนายพรานฆาฏกะกับบริวาร จึงได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ในระหว่างที่มาปฏิบัติสมณธรรมอยู่ ณ สถานที่พระโมคคัลลานะได้ ทราบพฤติกรรมของนายพรานฆาฏกะกับบริวารว่าเป็นผู้มีสันดาน หยาบช้า โหดร้าย ทารุณ มีอาชีพทางล่าสัตว์ พระโมคคัลลานะ ได้แสดงปาฏิหาริย์หลายประการเพื่อจะยังสันดานของนายพรานฆาฏกะให้เลื่อมใสแต่ไม่สำเร็จ ต่อเมื่อได้กลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วกราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาโปรด และได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างหลายประการด้วยกัน เพื่อให้นายพรานฆาฏกะได้ละทิฏฐิมานะสันดานหยาบช้า จนในที่สุดได้มีศรัทธาเลื่อมใสถึงกับทูลอุปสมบท พระบรมศาสดาได้ทรง ประทาน เอหิภิกขุอุปสัมปทา (บวชให้ด้วยพระองค์เอง) แล้วตรัสสั่งสอนให้ปฏิบัติสมณธรรมได้สำเร็จพระอรหันต์เป็น พระอริยบุคคล ในพระพุทธศาสนา เมื่อพระบรมศาสดาจะเสด็จกลับบุพพาราม ภิกษุฆาฏกะได้ทูลขอติดตามพระองค์ๆ ได้ทรงห้ามไว้เพื่อให้ช่วย ประกาศพระศาสนา พระฆาฏกะได้ทูลขอสิ่งที่เคารพสักการะ พระองค์จึงได้ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดไว้ ณ เงื้อมภูเขาแห่งนี้ และได้ประทับ "รอยพระบาท" ติดไว้ ณ บนยอดภูเขาแห่งนี้ด้วย ซึ่งจะได้เป็นที่สักการะเคารพกราบไหว้บูชาของ พระฆาฏกะและบริวาร ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไป
วัดพระพุทธฉาย | |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
รอยพระพุทธฉาย | |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สันนิษฐานว่าพระพุทธฉายนี้
ถูกค้นพบในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หลังจากพบรอยพระพุทธบาท ตรงกับรัชสมัยของ
พระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. 2163-2171)
ซึ่งทรงรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่ง จึงพบพระพุทธฉาย ณ
ภูเขาแห่งนี้
สมัยที่ค้นพบพระพุทธฉายได้สร้างพระมณฑปครอบพระบรมฉายาลักษณ์ไว้เป็นสถานที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน
ตลอดจนพระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อมา และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง เป็นต้น
พระพุทธฉายได้บูรณะซ่อมสร้างมา เป็นเวลาช้านานชำรุด ทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก
จนทางข้าราชการร่วมกับคณะสงฆ์เห็นว่าจะปล่อยทิ้งรกร้างไว้อีกต่อไปไม่ได้
ปูชนียสถานที่สำคัญ จะถูกทำลายลง จึงได้ส่ง พระครูพุทธฉายภิบาล (นาค ปานรัตน์)
มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อ พ.ศ. 2491 เพื่อบูรณะซ่อมสร้าง สถานที่
พระพุทธฉายให้เจริญต่อไป เจ้าอาวาสได้ซ่อมแซมใหญ่
โดยซ่อมที่มณฑปที่ชำรุดซึ่งสร้างไว้ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงเทพฯ
บนยอดภูเขาตามเดิม ส่วนมณฑปเก่าครอบพระบาทจำลองบนยอดเขายังคงไว้เป็นอนุสรณ์
ในลำดับต่อมาได้สร้างบันไดจาก
พื้นล่างด้านตะวันออกพระพุทธฉายขึ้นไปจนถึงยอดภูเขายาวประมาณ ๒๗๐ ขั้น
เพื่อให้ความสะดวกแก่ประชาชน จะได้ขึ้นไป นมัสการพระพุทธรูปปางต่างๆ
ข้างบนและภายในอุโบสถ โดยบูชารอยพระพุทธบาทจำลองและชมวิวทิวทัศน์อันสวยสดงดงาม
พร้อมด้วยบูชาสักการะพระรูปพระโมคคัลลานะ ที่ได้สร้างขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2526
ประดิษฐานอยู่ ณ ลานพระโมคคัลลานะ
ในวิหารพระปฏิมากรเป็นประหนึ่งสังเวชนียสถานอันจะเกิดเป็นกุศลผลบุญต่อไป
1.
โดยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางทางเข้าวัดพระพุทธฉายเข้าทางเดียวกันกับอุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่นเป็นถนนแยกจากถนนพหลโยธิน ตรงที่ กิโลเมตรที่ 102 (หมู่บ้านโคกหินแร่ ตำบลหนองยาว) เข้าไป 5 กิโลเมตร (ระยะทางตามถนนจากตัวเมืองสระบุรี ลงทางใต้ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป 5 กิโลเมตร)
การเดินทางทางเข้าวัดพระพุทธฉายเข้าทางเดียวกันกับอุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่นเป็นถนนแยกจากถนนพหลโยธิน ตรงที่ กิโลเมตรที่ 102 (หมู่บ้านโคกหินแร่ ตำบลหนองยาว) เข้าไป 5 กิโลเมตร (ระยะทางตามถนนจากตัวเมืองสระบุรี ลงทางใต้ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป 5 กิโลเมตร)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น